วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556
Buffet Clarinet Factory Tour
ส่วนอันนี้ เป็นคลิปการผลิตคลาริเน็ต ไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธีผลิตต่างๆ ทำให้เรารู้ว่ากว่าจะได้คลาริเน็ตแต่ละเรามันได้ผ่านอะไรมาบ้าง จะได้รู้ถึงกรรมวิธีการผลิต ส่วนประกอบต่างๆของคลาริเน้ตครับ
Han Kim plays Mozart Clarinet Concerto K.622 - 1st movement - Part. I
คลิปนี้ฮานคิม โซโล่ได้สุดยอดมาก เป็นเพลงที่ผมฝันไว้ว่าซักวันจะเล่นให้ได้เลยคับ
ถือเป็นคลิปโซโล่ที่น่าดูอีกคลิปครับผม
Han Kim plays Solo de Concours by H.Rabaud
Han khim ไอดอลของผมครับเล่นคลาริเน็ตเก่งมาตั้งแต่เด็ก เลยทำให้ผมมีแรงบันดาลใจที่จะเรียนเอกคลาริเน็ตครับผม
วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556
คลาริเน็ต (Clarinet)
ใครหลายคนคงเคยได้ยินเสียงอันไพเราะเสนาะหูจากเครื่องดนตรีที่ชื่อ คลาริเน็ต แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ประวัติความเป็นมาว่ากว่าจะมาบรรเลงเสียงเพลงอันไพเราะขับกล่อมให้เราฟังนั้น คลาริเน็ตต้องพัฒนาผ่านกาลเวลามายาวนานสักแค่ไหนถึงจะมาเป็นคลาริเน็ตดังเช่นรูปแบบในปัจจุบันอย่างที่เราเห็น...
คลาริเน็ต เป็นเครื่องดนตรีจำพวกเครื่องเป่าลมไม้(woodwind instruments) ที่พัฒนามาจากเครื่องดนตรีในสมัยกลางเรียกว่า chalumeau คลาริเน็ตเป็นเครื่องดนตรีที่มักทำจากไม้หรือพลาสติก ทำให้เกิดเสียงโดยใช้ลิ้นเดี่ยว (single reed) ซึ่งรัดติดกับปากเป่าเช่นเดียวกับแซกโซโฟน ช่วงเสียงคลาริเน็ต Bb เริ่มตั้งแต่ D (เขียนว่า E แต่เล่นแล้วออกเสียง D เนื่องจากเป็นคลาริเน็ตบีแฟลต มีเสียงต่ำกว่าที่เขียนไว้ 1 tone) เรื่อยขึ้นไปประมาณ 3 ½ คู่แปด
คลาริเน็ตได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยชาวเยอรมันชื่อ Johann Christoph Denner เมื่อราวปี ค.ศ. 1700 และเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในวงออร์เครสตราเมื่อปี ค.ศ. 1780 (แคริเน็ตเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีโปรดของโมซาร์ท) และแทนที่โอโบในวงโยธวาทิตได้ในที่สุด
ชนิดของคลาริเน็ต
นอกจากบีแฟลตคลาริเน็ต (โซปราโน) ที่ใช้กันทั่วไปแล้ว ยังมีคลาริเน็ตชนิดอื่นอีก เช่น
- เบสคลาริเน็ต ใช้ระบบการวางนิ้วชุดเดียวกับคลาริเน็ตบีแฟลตทุกอย่าง แต่เวลาเล่นจะมีเสียงต่ำกว่าบีแฟลตคลาริเน็ตอยู่ 1 คู่แปด เหมาะที่จะนำไปใช้บรรเลงแนวทำนองในระดับเสียงต่ำ ลักษณะเด่นของเบสคลาริเน็ตอยู่ที่ข้อต่อ กำพวดจะเป็นรูปโค้งงอ ปากลำโพงทำด้วยโลหะ งอย้อนขึ้นมาคล้ายกับแซกโซโฟน
- บาสเซต คลาริเน็ต จะคล้ายกับโซปราโนคลาริเน็ต แต่ขนาดยาวกว่า
- อัลโตคลาริเน็ต ขนาดใหญ่และยาวกว่าคลาริเน็ตอื่นๆ ระดับเสียงต่ำกว่าบีแฟล็ตคลาริเน็ตอยู่คู่ 5 เพอร์เฟกต์ ปากลำโพงทำด้วยโลหะ โค้งงอย้อนขึ้นเหมือนแซกโซโฟน
- อีแฟลตคลาริเน็ต (โซปรานิโน) มีขนาดเล็กกว่าบีแฟลตคลาริเน็ต และมีระดับเสียงสูงกว่าบีแฟลตคลาริเน็ตคู่ 5 เพอร์เฟค
- เอแฟลตคลาริเน็ต มีขนาดเล็กที่สุด
ส่วนประกอบเครื่อง
มีทั้งหมด 5 ท่อน คือ- Mouthpiece หรือ ส่วนกำพวด สำหรับเป่า
- Barrel หรือ ส่วนคอ
- Upper Section หรือ ลำตัวท่อนบน
- Lower Section หรือ ลำตัวทอนล่าง
- Bell หรือ ลำโพง
กำพวด (mouthpieces)
เครื่องลมไม้ที่จำเป็นต้องใช้ กำพวด สำหรับสร้างแรงสั่นสะเทือนให้เกิดเสียงได้แก่ เครื่องดนตรีในตระกูลคลาริเน็ตและแซกโซโฟน โดยในส่วนของกำพวดยังประกอบด้วยลิ้น(Reed) และปลอกรัดลิ้น (Ligature)ลิ้น
ลิ้นที่ใช้กับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมไม้ในกลุ่มปี่ลิ้นเดี่ยวซึ่งได้แก่เครื่องดนตรีใน ตระกูลคลาริเน็ต ความหนา-บางของลิ้นจะที่มีผลต่อการใช้กำลังลมที่ต่างกันอันเกิดจากความหนา-บางดังกล่าวแล้วโดยทั่วไปจะเรียกสภาพลิ้นว่าอ่อนหรือแข็งตามระดับความหนา-บางนั่นเอง ดังนั้นจึงต้องมีหมายเลขบอกระดับความหนา-บางของลิ้นอาทิเช่น 1; 1½; 2; 2½; 3; 3½…..ตัวเลขยิ่งน้อย คือบางมาก หรืออักษรเช่น S; MS; M; MH; H ซึ่งหมายถึง บาง (Soft) บางปานกลาง (Medium Soft) ปานกลาง (Medium) หนาปานกลาง (Medium Hard)และหนา (Hard) เป็นต้นคลาริเน็ตมีทั้งแบบพลาสติกและไม้แท้ๆคลาริเน็ตที่ทำมาจากพลาสติกหรือเรซิ่นคลาริเน็ตที่ทำจากไม้แท้ๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)